ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ในปัจจุบัน รถยนต์ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการใช้ชีวิตประจำเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะใช้ในการเดินทางไปทำงาน เดินทางไปพักผ่อน หรือจะใช้ในการประกอบอาชีพ เป็นต้น ถึงแม้ในตอนนี้จะมีขนส่งสาธารณะให้บริการอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นรถประจำทาง รถไฟ รถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน รถทัวร์ รถมอเตอร์ไซด์รับจ้าง รถเท็กซี่ ไปจนรถตุ๊กตุ๊ก และอีกมากมาย
ถึงแม้การขนส่งสาธารณะจะมีบริการให้เลือกใช้ได้อย่างหลากหลาย แต่ก็มีข้อจำกัดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น เส้นทางการเดินรถ ช่วงเวลาให้บริการ ซึ่งมีผลต่อการดำเนินชีวิตเป็นอย่างมาก แตกต่างจากการใช้รถยนต์ส่วนตัว ที่อยากเดินทางไปที่ไหน เวลาใดก็ได้ ถ้าคุณไม่มีรถการเช่ารถก็อาจจะตอบโจทย์ได้ดีกว่า
ในตอนนี้ใผู้ให้บริการเช่ารถเบนซ์ ทั้งการเช่ารถเบนซ์รายวัน รวมไปถึงบริการเช่ารถหรูอื่น ๆ ให้บริการมากมาย ท่านที่สนใจ บทความนี้มีคำตอบ
สถานการณ์แบบไหน จึงต้องเช่ารถเบนซ์รถเบนซ์ นอกจากจะเป็นยานพาหนะแล้ว ยังคือเป็นสิ่งของที่ใช้แสดงความมีฐานะที่ดี ดูมั่งคง ภูมิฐาน ซึ่งเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ของคนขับให้ดูมีระดับมากขึ้น ดังนั้นการเช่ารถเบนซ์จึงเหมาะกับการใช้ในการติดต่อกับคู่ค้า เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดูดี น่าเชื่อถือ เพิ่มโอกาสในความสำเร็จมากยิ่งขึ้น หรือจะใช้ในการรับรองแขกคนสำคัญ เพื่อเพิ่มความประทับใจให้อีกฝ่าย
นอกจากที่กล่าวมาแล้ว การเช่าเบนซ์รายวันเพื่อใช้ในการประกอบอีเว้นต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการสัมมนา เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ การเช่าเบนซ์เพื่อใช้เป็นพร็อพงานแต่ง เพื่อให้งานแต่งงานดูหรูหรายิ่งขึ้น การเช่ารถเบนซ์เพื่อใช้ในการทดลองใช้งาน เพื่อนำมาตัดสินใจก่อนซื้อจริง หรือจะเป็นการเช่ารถเพื่อนำมาคอนเทนต์รีวิว หรือเปรียบเทียบรถหรูต่าง ๆ เป็นต้น
สิ่งที่มือใหม่ควรรู้ ก่อนจะเช่ารถเบนซ์ไปขับ มีอะไรบ้างก่อนที่ท่านจะเช่ารถเบนซ์นั้นจำเป็นที่จะต้องรู้รายละเอียดทั่วไปของรถเบนซ์เสียก่อน เพื่อคุณจะสามารถเลือกเช่ารถ benz ที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณจริง ๆ ไม่ว่าจะเช่ารถเบนซ์รายวัน หรือรายสัปดาห์ เพื่อให้ค่าใช้จ่ายเหมาะสมกับการใช้งาน ไม่แพงเกินไป ซึ่งท่านสามารถสอบถามกับผู้ให้บริการเช่ารถหรูได้โดยตรง
เนื่องจากรถเบนซ์มีความแตกต่างจากรถยนต์ยี่ห้อชั้นนำอื่น ๆ ในท้องตลาด นั้นคือชื่อรุ่น โดยปกติรถยนต์ยี่ห้อต่าง ๆ มักจะใช้ชื่อรุ่นเฉพาะไปเลย เช่น Honda City, Honda Civic, Honda Accord, Toyoya Yaris, Toyota Altis เป็นต้น ซึ่งแตกต่างจากเบนซ์ ที่ใช้เพียงตัวอักษรย่อ และตัวเลขเพียงเท่านั้น
ซึ่งเราจะมาอธิบายความแตกต่างของรถเบนซ์แต่ละรุ่นดังต่อไปนี้
1. รถเบนซ์บางรุ่นทำไมถึงมีตัวเลขแค่ 2 หลักจากที่กล่าวมาข้างต้น จะเห็นได้ว่ารถเบนซ์นั้นจะใช้ตัวอักษร แทนที่จะใช้ชื่อรุ่นตามรถยนต์ยี่ห้ออื่น ๆ โดยจะเริ่มด้วย คลาสของรุ่น แล้วจึงตามด้วยตัวเลย ยกตัวอย่างเช่น GLA 35, CLS 53, E 350 เป็นต้น
ซึ่งจะสังเกตได้ว่าตัวเลขหลังคลาสนั้นจะมีด้วยกัน 2 หลัก บ้าง 3 หลักบ้าง ซึ่งมีข้อแตกต่างกันอย่างไร เราจะเล่าให้ฟัง
สำหรับรถที่มีเลขเพียงแค่ 2 หลัก อย่าง GLA 35 ,CLS 53 ที่ยกตัวอย่างไป แสดงว่ารถรุ่นนี้ได้รับการผลิตจากโรงงาน AWG ซึ่งเป็นแผนก Motorspot หรือก็คือรถที่ได้ผ่านการปรับแต่งมาเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ เสียง ท่อ เกียร์ ไปจนถึงความสมดุลของรถให้สูงสุดแล้วนั้นเอง ซึ่งตัวเลขจะบอกถึงสมรรถนะของเครื่องยนต์ ตัวอย่าง GLA 35 สามารถทำแรงม้าได้ถึง 350 แรงม้า ทำให้การเช่ารถเบนซ์โดยดูที่เลข 2 หลักจึงสำคัญมากเลยทีเดียว
2. ตัวเลข 3 หลักคืออะไร?แต่เดิมแล้วเลข 3 หลักที่อยู่หลังรุ่นของรถจะเป็นปริมาณความจุของเครื่องยนต์ แต่ต่อมาได้มีการเปลี่ยนให้คล้ายกับเลข 2 หลัก นั้คือสมรรถนะของเครื่องยนต์ลักษณะเดียวกัน
3. รหัสหลังตัวเลขบ่งบอกถึงอะไร?ในปี 2015 บริษัท Mercedes Benz ได้จัดระเบียบการตั้งชื่อรุ่นใหม่ทั้งหมด เพื่อให้คนทั่วไปสามารถเข้าใจได้ง่าย ซึ่งจะมีรหัสต่อท้ายดังต่อไปนี้
- K รถที่มีการติดอุปกรณ์ Supercharger เพื่อเพิ่มสมรรถนะการทำงาน
- E หมายถึงรถเบนซ์ที่ใช้ระบบฉีดน้ำมันเบนซิน
- D เป็นการบอกว่ารถเบนซ์คันนี้ใช้เครื่องยนต์ดีเซล
- C ความหมายก็คือ รถที่มีตัวถัง Coupe หรือก็คือรถเปิดประทุน
4. รถเมอร์เซเดส-เบนซ์ มีคลาสอะไรบ้างรถเบนซ์จะมีด้วยกันหลากหลายโมเดล ซึ่งโดยโมเดลหลัก ๆ หรือ Core Model Series จะถูกแบ่งออกเป็น 5 รุ่นหลัก ได้แก่ A Class, B Class, C Class, E Class และ S Class โดยแต่ละคลาสจะแตกต่างกันออกไปดังนี้
- A-Class เป็นรถขนาดเล็ก เหมาะกับการเช่ารถเบนซ์และใช้งานในเมือง ที่ไม่ต้องเดินทางระยะไกล แต่สามารถใช้งานได้หลากหลายเช่นกัน
- B-Class เป็นรถขนาดเล็ก คล้าย ๆ A Class แต่จะมีส่วนขยายบริเวณส่วนบนเพิ่มขึ้นเหมือนรถ MPV ที่สามารถใช้งานได้หลากหลาย และพื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง
- C-Class หรือ Compact Class เป็นรถขนาดปานกลาง ไม่เล็ก-ไม่ใหญ่จนเกินไป
- E-Class เป็นรถขนาดกลางค่อนข้างใหญ่ เหมาะจะเป็นรถครอบครัว หรือใช้เดินทางเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ มีเบาะหลังที่นุ่มงสบาย ช่วงล่างนุ่มนวล พร้อมอุปกรณ์พื้นฐานครบครัน ภายในที่กว้างขวาง ใช้วัสดุคุณภาพสูง เก็บเสียงได้ดี
- S-Class เป็นรถที่มีขนาดใหญ่สุด ราคาสูงที่สุด ทั้งความสบาย ไปจนถึงระบบความปลอดภัยที่ทันสมัย
เมื่อรู้จัก Core Model Serise หลักกันไปแล้ว เราจะพูดถึงรุ่นเสริมกันเรื่องการเช่ารถเบนซ์บ้าง ซึ่งมีด้วยกัน 3 รุ่น โดยชื่อรุ่นจะนำอักษรของรุ่น วางไว้หน้า Core Model Serise อีกครั้งหนึ่ง เพื่อบอกลักษณะ ขนาดของรถ ซึ่งได้แก่
- CL เป็นรถเบนซ์รูปแบบซีดาน แต่มีหลังคาลาด ลักษณะเหมือนรถสปอร์ต ตัวอย่างเช่น CLA 35 เป็นต้น
- GL เป็นรถเบนซ์ที่มีด้วยกันหลายชื่อเรียก ไม่ว่าจะเป็น Crossover, SUV หรือ Off-road หรือก็คือรถยนต์อเนกประสงค์ มีตั้งแต่เล็กไปใหญ่ ได้แก่ GLA-Class, GLC-Class, GLE-Class, GLS-Class และ G-Class
- SL เป็นรถเบนซ์แบบ Roadster หรือก็คือรถที่สามารถเปิดหลังคารถได้ ได้แก่ SLC-Class และ SLK-Class
สรุปสำหรับใครกำลังมองหาผู้ให้บริการเช่ารถเบนซ์ ไม่ว่าจะเป็นเช่ารถเบนซ์รายวัน เช่ารถเบนซ์แบบรายสัปดาห์ หรือจะเช่าแบบรายเดือน เราขอแนะนำบริการเช่ารถหรู Richcars ร้านให้บริการเช่ารถเบนซ์อันดับหนึ่งของไทย ทั้งนี้ นอกจากรถเบนซ์แล้ว ทางร้านยังมีบริการให้เช่ารถหรูยี่ห้อต่าง ๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น BMW, MERCEDES-BENZ, FERRARI, PORSCHE ไปจนถึง Lamborghini เป็นต้น
นอกจากทางร้านจะมีบริการเช่ารถหรูที่หลากหลายแล้ว ทางผู้ให้บริการยังช่วยดำเนินความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการ โดยใช้หลักฐานเพียงแค่ใบขับขี่เพียงใบเดียวก็สามารถเช่ารถได้แล้ว ซึ่งราคาเช่ารถเริ่มต้นอยู่ที่ 7,900 บาท เป็นต้นไป