ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องน่ารู้ของการใช้ยางมือสอง (ยางเปอร์เซ็นต์)  (อ่าน 16812 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Keng_maejo

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 1,792
  • คะแนนความนิยม: +9/-0
  • CK5 ครับ
    • อีเมล์
เรื่องน่ารู้ของการใช้ยางมือสอง (ยางเปอร์เซ็นต์)

ข้อตกลงเบื้องต้น : บทความนี้เขียนขึ้นจากประสบการณ์ของผู้เขียน มิได้อ้างอิงจากหลักวิชาการใดๆทั้งสิ้น ทั้งวิศวกรรมศาสตร์ วิศวกรรมยานยนต์ ฟิสิกส์ เคมี อุตสาหกรรมปิโตรเลียม ฯลฯ จึงมิอาจนำไปอ้างอิงในเชิงวิชาการได้ และไม่ต้องถามต่อ ว่ารู้ได้ยังไง มีตัวเลขหรือหลักการอะไรยืนยัน เพราะเป็นความรู้สึกล้วนๆ ที่อยากบอกกล่าวเล่าสู่กันฟังในฐานะผู้ใช้รถเท่านั้น

เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า รถยนต์คันละหลายแสนบาท จนถึงหลายล้านบาท เครื่องยนต์หลายร้อยแรงม้า ไล่ไปจนถึงพันแรงม้า แต่มีเพียงสิ่งเดียวที่สัมผัสพื้นถนนนั่นก็คือ “ยางรถยนต์”  เราจึงควรให้ความสำคัญกับยางรถยนต์ให้มาก หลายท่านใช้รถราคาแพง โมดิฟายเครื่องยนต์ไปหลายหมื่นบาท แต่งเครื่องเสียงอีกเป็นแสน แต่กลับเพียรพยายามสรรหายางเส้นละพันกว่าบาทมาใช้ ซึ่งไม่คำนึงว่าคุณภาพจะเป็นอย่างไร รองรับความเร็วได้เท่าไหร่ รับน้ำหนักได้เท่าไหร่ แหล่งผลิตเชื่อถือได้หรือไม่ ได้ศึกษาริวิวของคนที่เคยใช้หรือไม่ คนส่วนใหญ่ไม่เคยสนใจตรงนี้ สนใจแต่เพียง “ถูกไว้ก่อน”

แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องยอมรับว่า มีคนอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งมีจำนวนไม่น้อย ที่ต้องการยางราคาถูกใช้เป็นการชั่วคราว เนื่องด้วยปัญหาเศรษฐกิจและภาระส่วนตัว ที่ไม่อาจหาเงินก้อนหลักหมื่นถึงหมื่นปลายๆ หรือสองสามหมื่น ไปซื้อยางใหม่ยกชุด หรือแม้แต่ไม่มีเครดิตที่จะซื้อยางเงินผ่อน หรือพิจารณาแล้วว่ารถที่ใช้อยู่นั้นไม่ได้ใช้ประจำวัน หรือไม่ได้ใช้เดินทางไกล หรือใส่เพื่อจอดเป็นรถสะสม หรือแม้แต่ประกบแม็กขาย ทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคนกลุ่มนี้ก็คือ “ยางเปอร์เซ็นต์”

ผู้เขียนได้เคยขายยางเก่าไปหลายชุด ทั้งขายให้เพื่อนสนิทมิตรสหาย และขายทางอินเตอร์เน็ต บ่อยครั้งเจอคำถามซ้ำๆ ที่เป็นคำถามยอดฮิตจึงรวบรวมมาให้ได้ศึกษากัน ดังนี้

1. ยางเปอร์เซ็นต์วัดยังไง ดูยังไงว่ากี่เปอร์เซ็นต์
ตอบอย่างไม่อ้อมค้อมเลยว่า ใช้ความรู้สึกล้วนๆ และความซื่อตรงของพ่อค้าเป็นหลัก บางท่านลงประกาศว่า 90% แต่พอดูของจริงแล้ว 50% ยังต้องคิดดูก่อน เหมือนกับประกาศขายรถยนต์นั่นแหละครับ เช่น สภาพสี 80% สภาพช่วงล่าง 90% ฯลฯ ก็ไม่รู้เอาอะไรมาวัด เป็นต้น ซึ่งจะให้แฟร์ๆที่สุดเลย น่าจะบอกว่า เหลือดอกอยู่กี่ ม.ม. หรือดอกสึกเกินครึ่งของยางสภาพใหม่หรือยัง หรือใช้หัวไม้ขีดจิ้มดูว่าดอกยางอยู่ระดับไหน แล้วถ่ายรูปลงเน็ต ใช้วิธีทำนองนี้ ผู้ขายจะนึกภาพได้ง่ายกว่า รวมถึงควรอธิบายรายละเอียดด้วยว่ามีตำหนิตรงไหน มีรอยตรงไหน ยางบวมหรือไม่ มีปะหรือไม่จะได้สบายใจทั้งสองฝ่าย
*จะว่าไปแล้ว ในทางการค้า บริษัทผู้ผลิตยางหรือร้านขายยางใหญ่ๆ ก็มีเครื่องมือวัดความลึกของดอกยางอยู่ ซึ่งสามารถวัดได้ว่า ยางเส้นนั้นมีสภาพดอกยางเหลืออยู่กี่เปอร์เซ็นต์ แต่เชื่อได้เลยว่าพ่อค้าส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้เครื่องมือนั้นในการอ้างอิง ยังคงใช้ความรู้สึกส่วนตัวเหมือนเดิม

2. ยางปีเก่า แต่ดอกเหลือเยอะ จะดีหรือไม่
ประเด็นนี้ไม่สามารถฟันธงได้ คงต้องพิจารณาที่ความนุ่มของเนื้อยาง ยางบางชุดเก่าเก็บ หรือเจ้าของเดิมใส่รถเพื่อจอด เช่น รถสะสมทั้งหลาย  เราอาจพบยางปี 05 แต่มีดอกยางลึกสวยมาก หรือขนยางยังอยู่ แต่เอาเล็บจิกไม่ลงเลย อย่างนี้ถ้านำมาใช้ก็อาจจะกระด้างได้ ถ้าคนไม่คิดมากและพอใจในราคาก็ใช้ได้ครับ แต่ถ้าใช้เดินทางไกล หรือใช้ขับความเร็วสูง ก็เป็นเรื่องที่ต้องระวัง

3. ยางกินข้าง ยางสึกไม่เรียบ ใช้ได้หรือไม่
ถ้าลายดอกยางมีการสึกไปบ้าง ทั้งสึกกินข้าง สึกเป็นบั้ง สึกเฉือนถนน แต่ไม่ได้สึกจนโล้นลายหายไปเลย  ก็ถือว่ายังพอใช้ได้ครับ เพราะรถแต่ละคันตั้งศูนย์มาไม่เหมือนกัน อาการยางดังกล่าวเกิดจากเจ้าของเก่าตั้งศูนย์มาไม่ดี มีปัญหาช่วงล่าง หรือตั้งศูนย์เพื่อการแข่งขันเฉพาะกิจ พอแข่งเสร็จก็ถอดยางขาย เพราะรถพวกนี้วิ่งสนามเดียว ก็ขายยางทิ้งแล้วครับ โดยเฉพาะรถที่ตั้งมุมแคมเบอร์เป็นลบ จะส่งผลให้ยางสึกกินในอย่างเห็นได้ชัด หรือรถที่โช๊คเสีย ช่วงล่างไม่แน่น ยางก็จะสึกเป็นบั้ง นำมาใช้แล้วรถอาจวิ่งเอียง แถลงข้างทาง หรือพวงมาลัยสั่นเล็กน้อย
ถ้าเรานำยางพวกนี้มาใช้ เนื่องจากพอใจในราคา ก็สามารถนำมาใช้ได้ โดยตั้งศูนย์รถเราให้เป็นมาตรฐานตามสเปกรถ ถ่วงล้อใหม่ เอาเส้นที่มีปัญหาไว้ล้อหลัง หรือกลับหน้ายางเอาด้านที่สึกกินในไว้ด้านนอก  ทนใช้ไปสักพัก สลับยางตามกำหนด ยางก็จะสึกกลมพอดี รอยสึกก็จะเสมอกันทั้งเส้น เข้ากับรถเราเอง แต่ไม่อาจรับรองได้ว่าจะต้องวิ่งกี่กิโล หรือนานเท่าใด เพราะปัญหาของยางแต่ละเส้นอาจหนักเบาไม่เท่ากัน

4. ยางมีแผล มีปะ อันตรายหรือไม่
ต้องพิจารณาว่า เป็นแผลลักษณะใด มีผลต่อโครงสร้างยางหรือไม่ หากมีแผลตรงริมการ์ด หรือหน้ายางที่มีความแข็งแรง ไม่ลึกถึงชั้นใยเหล็ก หรือทะลุใยเหล็ก หรือมีรอยบาดที่หน้ายางลึกเพียงผิวดอกยาง ก็ไม่มีผลอะไร แต่ถ้ามีการบาดจนเนื้อยางหลุดออกไปเล็กน้อย อาจจะทำให้ยางเสียสมดุลได้ ถ้ายางไม่รั่วไม่ซึม  ก็แก้ได้ด้วยการถ่วงล้อ อาจจะเปลืองตะกั่วสักหน่อย แต่ร้านยางก็คิดค่าถ่วงเท่ากันทุกล้ออยู่แล้ว ผู้เขียนเคยถ่วงล้อ 2 ล้อ ล้อหนึ่งติดตะกั่วแค่ 2 เม็ด แต่อีกล้อหนึ่งติดตะกั่วยาวเป็นแถบเกือบ 10 เม็ด  ร้านก็คิดล้อละ 60 บาทเท่ากัน
ส่วนยางที่มีปะนั้น ถ้าเป็นปะสตีมหรือปะด้วยการอัดความร้อน จะมีความคงทนกว่า แผลเรียบสวย  ถ้าเป็นการปะแบบจิ้มด้วยเศษยาง (ตัวหนอน) ส่วนใหญ่จะเหลือเศษตัวหนอนออกมาเยอะ หรือจุกอยู่ด้านในยางเป็นจำนวนมาก  ก็จะมีผลให้ยางเสียสมดุลมากกว่า แต่ก็แก้ได้ด้วยการถ่วงล้อเช่นกัน

5.ยางแข็ง ยางหอน เป็นอย่างไร
อธิบายยากเหมือนกันครับ ถ้าไม่มีตัวเปรียบเทียบ เสียงมันจะดังวุ้งๆๆ คล้ายลูกปืนล้อดัง เสียงมันใกล้เคียงกันมาก  ต้องลองเปลี่ยนยางกับรถคันอื่นดู หาไม่ได้ก็เพื่อนๆกันนี่แหละ ยกแม่แรงขึ้นสามขา แลกยางกันวิ่ง  ถ้าเปลี่ยนยางแล้วหายก็แสดงว่ายางหอนแน่นอน ถ้าไม่หายก็แสดงว่าลูกปืนล้อดัง ทั้งนี้ทั้งนั้นอยู่ที่ลายดอกยางด้วย  ยางบางรุ่น บางยี่ห้อ ขึ้นชื่อเรื่องเสียงดังอยู่แล้วเช่น พวกยางลายทิศทางเดียว บล็อกยางใหญ่ๆ ใช้ไปไม่นานก็เริ่มดัง อย่างนี้แสดงว่าปกติ เพราะดังกันทุกคน อยากหล่ออยากซิ่งต้องทำใจ หรือพวกลายดอกยางใหญ่ๆ พวกยาง MUD ยางวิบาก อย่างนี้ หอนแน่นอนเป็นปกติไม่ต้องเป็นกังวล  แต่ถ้ายางเส้นนั้นเป็นรุ่นนุ่มเงียบ ดอกยางละเอียด แต่เสียงดัง หอนมาก ก็แสดงว่าเนื้อยางแข็งตัว จากการเก็บรักษาไม่ดี ตากแดด หรือเสื่อมสภาพ จนเกิดเสียงดังเมื่อวิ่งบดถนน อาจเป็นอันตรายได้ เพราะจะไม่เกาะถนนดีเท่าที่ควร

6.ยางแบบไหนที่ไม่ควรซื้อ
ยางที่สึกกินข้างจนลายโล้น หรือสึกจนถึงใยเหล็ก เห็นใยเหล็กโผล่มารำไร แบบนี้สมควรเอาไปล้อมต้นไม้ หรือทำถังขยะจะดีกว่าครับ
ยางบวม ส่วนใหญ่มักบวมบริเวณแก้มยาง พบมากในพวกยางแก้มเตี้ยที่ตกหลุมแรงๆ ส่วนใหญ่ยางเปล่าๆมักดูไม่ออก แต่ถ้าใส่กับแม็กแล้วเติมลม จึงจะเห็นว่าบวมเป็นลูกออกมา ถามว่าใช้ได้มั๊ย ก็ต้องตอบว่า ถ้าบวมไม่มาก ก็ใช้ได้ครับ  แต่ยางจะเต้นน่าดู ล้อจะสั่นมาก ถ้าบวมมากรถจะสะเทือนจนนั่งไม่สบาย  อาจส่งผลให้ช่วงล่างอื่นๆชำรุดเร็วไปด้วย  ใช้ได้ชั่วคราวแล้วรีบหาเปลี่ยนจะดีกว่า เพราะโครงสร้างยางบริเวณแก้มยางเสียไปแล้ว

สรุปแล้ว ยางเปอร์เซ็นต์ (ที่คุณภาพดี) เป็นยางใช้ชั่วคราว ที่คุณสามารถใช้ได้ในยามฉุกเฉิน และเดือดร้อนเรื่องเงิน ยางเก่าสึกเกินจะทนแต่รถต้องใช้  ซึ่งถ้ามีทางเลือกก็ไม่ควรใช้เพื่อเดินทางไกล หรือขับเร็วจนเกินพอดี เพราะคนที่เป็นอันตรายไม่ใช่แค่คุณคนเดียว แต่จะเป็นเพื่อนร่วมท้องถนนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่  รวมถึงภรรยาและลูกน้อย หรือญาติพี่น้องที่ร่วมเดินทางไปกับคุณด้วย รวมไปถึงพ่อแม่ที่ต้องเลี้ยงดูคุณ ถ้าคุณพิการจากอุบัติเหตุที่ไม่น่าเกิด เพราะความประหยัดเพียงไม่กี่บาท
 

ดร.เก่ง EVO5

ขายที่ล็อคล้อ กันขโมย SOLEX http://www.club4g.com/index.php/topic,14668054.msg4161435.html#msg41

ออฟไลน์ YU_ O t A k U ..!

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 3,096
  • คะแนนความนิยม: +43/-1
  • " กรูรัก ท้ายเบ็นต์ "
+1 ให้เลยคับ  ;D ;D

บรรลัยไม่ว่า ขายหน้าไม่ได้ !...Excuse me "Street use" Only... เเล้วซักวัน มันส์...จะกลับมา !!!